เรื่อง เล่ห์รักทรราช ( 3 เล่มจบ) 是非分不清, 斷指娘子 ,斗妻番外篇
ผู้แต่ง อวี๋ฉิง (于晴)
ผู้แปล พริกหอม
สำนักพิมพ์ แจ่มใส มากกว่ารัก
ขุนนางที่ดีควรจะดูแลใส่ใจ เข้าใจทุกข์สุขของราษฎร
‘หร่วนตงกู้’ มีปณิธานหนึ่งนั่นก็คืออยากจะเห็น ‘รัชสมัยแห่งความเจริญรุ่งเรือง’ อาณาประชาราษฎร์อยู่อย่างสงบสุบร่มเย็น ภายในใจของหร่วนตงกู้อันดับหนึ่งคือทุกข์สุขของราษฎร หากทำงานหนักหนึ่งวันทำให้ราษฎรอยู่ดีมีสุขก็ยินดีกระทำ
‘เขา’ ผู้ที่มีอำนาจล้นฟ้า อยู่เหนือคนนับหมื่นอยู่ใต้คนเพียงคนเดียว เป็นบุคคลที่หร่วนตงกู้เกลียดชังมากที่สุด ‘เขา’ เป็นขุนนางที่ชอบใช้อำนาจในการรังแกขุนนางที่ดี นั่นเป็นเรื่องที่หร่วนตงกู้ยอมรับไม่ได้ จำต้องขัดขวาง
‘เขา’ ให้ถึงที่สุด
ทว่าหร่วนตงกู้เองก็มีความลับหนึ่งที่ไม่สามารถให้ใครล่วงรู้ได้ ยิ่งโดยเฉพาะ ‘เขา’ ยิ่งล่วงรู้ไม่ได้!
หากการเป็นขุนนางที่ดีคือ ต้องเป็นคน ‘ซื่อตรงเที่ยงธรรม’ เห็นทุกข์สุขของราษฎรเป็นที่ตั้ง สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่บ้านเมือง แต่สิ่งที่กล่าวมานี้มิใช่ลักษณะนิสัยของ ‘ตงฟางเฟย’ เลยแม้แต่น้อย ราชเลขาธิการที่ควบตำแหน่งเสนาบดีกรมพิธีการผู้นี้ มิใช่ขุนนางดั่งที่กล่าวมา หากแต่ตงฟางเฟยผู้หล่อเหลานั้นเป็นดั่งภูตมารที่ชั่วร้ายชอบหยอกเย้าจิตใจมนุษย์มิผิดจากจอมมาร ซ้ำถูกตราหน้าไว้ว่าต้องมีชื่อเสียงเหม็นฉาวไปนับหมื่นปี
เรื่องราวความสนุกและท้าทายในชีวิตของตงฟางเฟยก็คือ การได้เล่นงานขุนนางที่ซื่อสัตย์ภักดี ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเที่ยงธรรม ให้มาจุมพิตที่เท้าของเขา มาเป็นสุนัขรับใช้เขา ตงฟางเฟยถือว่านี่เป็นความท้าทายอย่างหนึ่งที่เขาชื่นชอบ เขาอยากจะเห็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์เหล่านั้น กลายเป็นสุนัขรับใช้ ไม่ต่างจากขุนนางคนอื่น ที่อยู่ใต้อาณัติของเขา ยิ่งคนจากสกุล ‘หร่วน’ ด้วยแล้ว เขายิ่งปรารถนาที่จะเล่นงานอีกฝ่ายไปเสียทุกอย่าง ค่อยๆ กัดแทะเนื้อหนัง กระดูกให้แหลกละเอียด แล้วดูดกลืนพลังแห่งความซื่อตรงเที่ยงธรรมภายในร่างของหร่วนตงเฉียนให้หมดสิ้น
หากการเป็นขุนนางที่ดีคือ ต้องเป็นคน ‘ซื่อตรงเที่ยงธรรม’ เห็นทุกข์สุขของราษฎรเป็นที่ตั้ง สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่บ้านเมือง สิ่งที่กล่าวมานั้นคือลักษณะนิสัยของ ‘หร่วนตงเฉียน’ รองเสนาบดีกรมอากรผู้นี้อย่างแน่แท้ ด้วยที่ว่าหร่วนตงเฉียนนั้น เป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์เที่ยงตรง ความสำคัญอันดับหนึ่งภายในใจคือ ประโยชน์สุขของปวงประชาราษฎร ด้วยอุปนิสัยของตงเฉียนทำให้เขาเกลียดขุนนางที่คดโกง ไม่ซื่อตรงเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าจะต้องเดินขวางทางผู้มีอำนาจก็ตาม
ปณิธานอันยิ่งใหญ่ในชีวิตของหร่วนตงเฉียน คือการที่ได้เห็น ‘รัชสมัยแห่งความเจริญรุ่งเรือง’ อาณาประชาราษฎรอยู่อย่างสงบสุบร่มเย็น สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ สิ่งแรกต้องไม่มีขุนนางที่ฉ้อฉล รับสินบน ไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ขุนนางเหล่านี้เป็นสิ่งที่หร่วนตงเฉียนรังเกียจอย่างที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ตงฟางเฟย’ ราชเลขาธิการผู้ยิ่งใหญ่ในราชสำนัก ที่ชอบเล่นงานขุนนางผู้ซื่อสัตย์ภักดี หากราชสำนักไม่มีจอมมารเช่นตงฟางเฟย รัชสมัยแห่งความเจริญรุ่งเรือง ย่อมเป็นจริงในที่สุด
ระหว่างขุนนางทั้งสอง ที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วต้องมาประสบพบกัน คนหนึ่งขาว คนหนึ่งดำ ประหนึ่งหมากบนกระดานที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเช่นนี้ ต่างบ่มเพาะความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดที่ไม่อาจคาดคิดได้ เป็นความสัมพันธ์ที่เป็นดั่งศัตรูและมิตร เป็นดั่งพี่ชายน้องชาย(?) เป็นดั่งบิดาและลูกสาว เป็น...สรุปก็คือ เป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง
เขาที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดในแผ่นดิน ใต้ฟ้าก้มหัวให้คนเพียงหนึ่ง ใต้เท้าอยู่เหนือคนทั้งโลกหล้า จึงยอมทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะท้าทายต่อสิ่งที่ยากที่สุด...นั่นก็คือความรักของหญิงผู้ที่ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับประโยชน์สุขของชาวประชา
