ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิงความยาว 7 เล่มจบโดยมีกำหนดเปิดจำหน่ายแบบรูปเล่ม เล่ม 5-6 เม.ย. เล่ม7 ในช่วงเดือน พ.ค.นี้ค่ะ
เรื่อง ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง เล่ม 5-6 (7 เล่มจบ) 逞骄
ผู้แต่ง เผิงไหลเค่อ 蓬萊客
ผู้แปล Honey Toast
สำนักพิมพ์ แจ่มใส มากกว่ารัก
ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง เล่ม 5-6
ซูเสวี่ยจื้อค่อนข้างชื่นชมผู้อำนวยการคิมูระอย่างชัดเจนมาก
เพราะเขามีความคิดแบบผู้ให้และทำทุกอย่างเพื่อวงการแพทย์อย่างแท้จริง เธอยิ่งนับถือเขาจากหัวใจ แต่ผู้อำนวยการคิมูระ กลับเหมือนมีอะไรบางอย่างปิดซ่อนอยู่
ส่วนด้านฟู่หมิงเฉิงหลังเขาสารภาพความในใจกับเธอแล้ว ระยะนี้เพื่อไม่ให้กระอักกระอ่วนใจ ถ้าเลี่ยงไม่เจอหน้ากันได้ก็ต้องเลี่ยงเป็นธรรมดา
เพียงแต่เธอก็รับรู้ว่าเขายังคงอยู่ดี ทุกอย่างรอบตัวดูจะเป็นไปด้วยดี โดยซูเสวี่ยจื้อไม่รู้เลยสักนิดว่ามีคลื่นใต้น้ำกำลังก่อตัวขึ้น และเตรียมจะโหมซัดตัวเธอลงไปใต้ท้องทะเล
อย่างไรก็ตามหากเธอยังมีเฮ่อฮั่นจู่อยู่เคียงข้าง ไม่ว่าคลื่นนั้นจะใหญ่สักแค่ไหน เธอก็มั่นใจว่าจะต้องฝ่าฟันมันไปได้ แต่เธอยังมีเรื่องที่ยากกว่านั้นรออยู่ นั่นก็คือ...เธอไม่รู้ว่าเขาจะยังอยู่เคียงข้างเธอหรือไม่แล้ว
ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง เล่ม 3
ด้วยความที่เยี่ยหรู่ชวนมาเยี่ยมลูกชายและหลานสาวอย่างกะทันหัน ทำให้เขาได้รู้ความลับสำคัญของลูกชาย จนเกือบจะแตกหักกันเสียแล้ว ทว่าเรื่อง ‘ความลับที่ถูกปิดซ่อน’ คงไม่มีเรื่องใดใหญ่เกินเรื่องของซูเสวี่ยจื้อ
ในครานี้มีผู้รู้ความลับของเธอเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน อีกทั้งยังเป็นคนที่ไม่ควรรู้เรื่องนี้มากที่สุดเสียด้วย ย่อมเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้บัญชาการหน่วยทหารรักษาการณ์เมืองเทียน ‘เฮ่อฮั่นจู่’ แต่ที่ไม่น่าเชื่อมากที่สุดคือหลังเขารู้แล้วเขากลับช่วยเหลือเธอ ทั้งช่วยปกปิด ช่วยปกป้อง แล้วยังช่วยทุกอย่างที่เธอต้องการให้ช่วย
ตั้งแต่เมื่อไรกันก็ไม่รู้ที่เขารู้สึกสนใจเธอมากขนาดนี้ จะเป็นตอนที่คิดว่าน้องสาวตนเองชอบซูเสวี่ยจื้อ หรือจะเป็นตอนที่เห็นเธอมุ่งมั่นตั้งใจใช้ความรู้ความสามารถทำเพื่อคนอื่นกัน
หรือว่าจะเป็น...ตอนที่ถึงตายก็ต้องปกป้องเธอเอาไว้ให้ได้ ที่ทำให้เขารู้หัวใจของตนเองดี
ทว่าต่อให้เพราะเหตุผลใดก็ตาม ซูเสวี่ยจื้อคนนี้ก็ไม่ใจอ่อนให้เขาแน่ ไม่มีทาง!
ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง เล่ม 4
ทุกสิ่งที่ซูเสวี่ยจื้อมุ่งมั่นและทุ่มเท ทำให้เธอโดดเด่นอย่างมากในวงการแพทย์ ในขณะเดียวกันก็โดดเด่นในสายตาของหวังถิงจือ ฟู่หมิงเฉิง หรือแม้กระทั่งเฮ่อฮั่นจู่ด้วย
ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยคาดหวังสิ่งใดต่อเรื่องความรักมาก่อน แต่กลับได้พบเจอคนที่มองเห็นคุณค่าในตัวเธอคราเดียวกันถึงหลายๆ คนเช่นนี้ ซึ่งแน่นอนว่าเธอย่อมมีท่าทีปฏิเสธคนสองคน ส่วนอีกหนึ่งคนนั้นเธออยากจะลองใกล้ชิดกับเขาดู
ทว่าการเข้าใกล้คนคนนี้บางทีอาจจะเป็นปัญหายุ่งยากครั้งใหญ่ กระนั้นเธอยังคงถลำลงไปติดบ่วงของนักล่าอย่างถอนตัวไม่ขึ้นแล้วเมื่อหัวใจปล่อยวางไม่ได้ ร่างกายก็หนีไม่พ้นเช่นกัน...
ในภาวะที่บ้านเมืองระส่ำระส่าย การแพทย์เองก็ต้องการความเจริญก้าวหน้า ไม่น่าเชื่อเลยว่าซูเสวี่ยจื้อยังต้องเผื่อแผ่ความคิดและจิตใจไปสนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ด้วย แต่เพราะ “ผมต้องการคุณ ในฝันก็ยังต้องการ...” คำพูดนั้นของเขา การข้ามเวลามาครั้งนี้ของเธอก็ไม่มีทางไร้ค่าไร้ความหมายใดอีกต่อไปแล้ว
ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง เล่ม1-2
ซูชิงชิงฟื้นขึ้นมาอยู่ในร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง พร้อมกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ยามนี้เธอกลายเป็นลูกสาวนายห้างหญิงของห้างค้ายาสมุนไพรเทียนเต๋อแห่งสกุลซู
เยี่ยอวิ๋นจิ่นผู้เป็นมารดาจงใจให้เจ้าของร่างเดิมแต่งกายเป็นชายหลอกลวงทุกคนมาตลอดชีวิต
ทว่านั่นเป็นการบ่มเพาะเภทภัยที่จะตามมาในวันข้างหน้าจริงๆ เพราะเมื่อลูกสาวสกุลซูเติบโตขึ้นก็อยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง รวมทั้งอยากมีความรักที่ดี และนั่นก็คือ...ต้นเหตุที่ซูชิงชิงมาเข้าร่างอีกฝ่ายได้เช่นนี้
‘ซูเสวี่ยจื้อ’ คนใหม่นี้ไม่สนใจว่าตนเองจะต้องแต่งตัวเป็นหญิงหรือเป็นชายเธอสนใจแค่ก่อนตายอีกครั้งตนเองจะทิ้งร่องรอยใดไว้ในโลกนี้แม้สักกระผีกหรือไม่
เมื่อมีโอกาสได้ช่วยเหลือ ‘ครอบครัว’ ได้เป็นแพทย์ทหาร เธอย่อมไม่ลังเลที่จะรับโอกาสนี้ไว้แต่มันน่าวุ่นวายใจที่ ‘คุณน้า’ ผู้บัญชาการเฮ่อชอบมาก่อกวนและตีกรอบในชีวิตเธอยิ่งนัก
เธอ ‘ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง’ ที่แต่งตัวเป็นชายเท่านั้นนะ ไม่ได้ข้ามเวลามาเป็นคนรักของใคร เพราะฉะนั้นช่วยอยู่ห่างเธอมากกว่านี้จะได้หรือไม่



เผิงไหลเค่อ ผู้แต่ง ปรปักษ์จำนน 折腰
ข้าผู้นี้... วาสนาดีเกินใคร 表妹万福
แสนชัง นิรันดร์รัก 辟寒金 ปี้หานจิน
จอมใจคู่นครา 1-2 錦衾燦兮
Blue Bridge สะพานรักสีน้ำเงิน 我的蓝桥
ธาราวสันต์ บุษบันจันทรา เล่ม 1-5 春江花月
ไข่มุกงามเหนือราชัน เล่ม 1-6 菩珠
ยุคสาธารณรัฐจีน (ค.ศ. 1912-1949)
บทความหลัก: สาธารณรัฐจีน (2455–2492)
ปี พ.ศ. 2454 เกิดการปฏิวัติซินไฮ่ ซึ่งเป็นการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองจีนให้เป็นระบอบสาธารณรัฐที่นำโดย ดร. ซุนยัดเซ็น ราชวงศ์ชิงถูกยึดอำนาจในปีนั้น และใน พ.ศ. 2455 ผู่อี๋ จักรพรรดิองค์สุดท้ายถูกบังคับให้สละราชสมบัติ ถือเป็นจุดอวสานของราชวงศ์ชิง และการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของจีน
ดร. ซุนยัดเซ็น ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีเฉพาะกาลคนแรกของสาธารณรัฐจีน แต่ก็สละตำแหน่งให้กับยฺเหวียน ชื่อไข่ อย่างไรก็ตาม ยเหวียนซื่อไข่กลับทะเยอทะยาน คิดจะฟื้นฟูระบอบจักรพรรดิ ตั้งตนขึ้นเป็นฮ่องเต้ จึงถูกต่อต้านจากทั่วสารทิศ ซุนยัดเซ็น จึงประกาศทำศึกต่อต้าน สุดท้ายแล้วยเหวียนซื่อไข่ล้มป่วยเสียชีวิตไป แต่แผ่นดินจีนก็เข้าสู่ความวุ่นวายจากการชิงอำนาจกันของเหล่าขุนศึก และกลายเป็นยุคสมัยที่วุ่นวายและนองเลือดที่สุดช่วงเวลาหนึ่งของจีน
ซุนยัดเซ็นล้มป่วยแล้วเสียชีวิต หลังจากนั้นก็เป็นช่วงเวลาชิงอำนาจระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง ที่นำโดย เจียงไคเช็ค กับพรรคคอมมิวนิสต์ ที่นำโดย เหมาเจ๋อตง
การทำศึกในช่วงแรกเจียงไคเช็คเป็นฝ่ายชนะ แต่เนื่องจากการรุกรานของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องยุติความขัดแย้งลงชั่วคราว แล้วหันมาร่วมมือกันทำสงครามกับญี่ปุ่น
หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง พรรคก๊กมินตั๋งและพรรคคอมมิวนิสต์ได้มีการเจรจาเพื่อก่อตั้งรัฐบาลผสม แต่เจียงไคเช็ควางแผนที่จะกำจัดพรรคคอมมิวนิสต์ ทำให้เหมาเจ๋อตงและแกนนำของพรรคต้องนำพาสมาชิกและชาวนาผู้ยากไร้ที่เป็นกองกำลังส่วนใหญ่ของพรรค เดินทัพทางไกลขึ้นไปทางเหนือ จากนั้นเหมาเจ๋อตงก็นำกองทัพเปิดศึกกับเจียงไคเช็กอีกครั้ง เนื่องจากภายในพรรคก๊กมินตั๋งเองก็มีความขัดแย้งภายใน ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นภายในพรรคได้ รวมถึงเหมาเจ๋อตงสามารถชี้นำและปลุกระดมชวนเชื่อชาวจีนผู้ยากไร้ทั่วประเทศในเวลานั้นให้เข้าร่วมการต่อสู้ พรรคคอมมิวนิสต์จึงได้ชัยชนะในที่สุด ส่วนเจียงไคเช็คก็ลี้ภัยไปยังเกาะไต้หวัน และสถาปนาสาธารณรัฐจีนขึ้นใหม่
ยุคสาธารณรัฐประชาชนจีน (1949–ปัจจุบัน)