เรื่อง รวมเรื่องสั้นชุดท่านประธาน
ผู้แต่ง ขยาทิมาต
สำนักพิมพ์ ทำมือ
รวมเรื่องสั้นชุดท่านประธาน
1.ปล้นรักท่านประธาน
2.ท่านประธานแซ่บ
3.สาวใช้ท่านประธาน
4.เจ้าสาวท่านประธาน

ปล้นรักท่านประธาน
ธีรนพ...เขาพาเลขาตัวเองขึ้นห้องแทนคู่ขา
ณฐิตา...เธอรักเขาจนขอพลีกายเป็นคู่ขาเขาสักคืน
จากความผิดฝาผิดตัวในคืนที่แสนเร่าร้อน ก่อให้เกิดความรู้สึกที่ท่านประธานหนุ่มจะไม่มีวันปฏิเสธเลขาตัวเองได้อีกเลย
“เธอ...เป็นยังไงบ้าง” ยอม...เขาเริ่มก่อนก็ได้
“ก็สบายดีค่ะ” ถึงจะแอบกลับมาก่อน แต่ก็คิดว่าแบบนั้นน่าจะดีกว่าต้องกระอักกระอ่วนใจตอนต้องคุยเรื่องที่เกิดขึ้น นี่เธอก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเขามารื้อฟื้นเพื่ออะไร
“เรา...” ธีรนพถอนหายใจเฮือกใหญ่ “นอนด้วยกัน...แล้วนะ” เขาเค้นคำพูดออกมา คำที่ไม่ได้พูดต่อท้ายก็คือความจริงที่ว่า ไม่ได้ป้องกัน ด้นสด แล้วก็ถึงทุกรอบ
“ค่ะ หวานรับทราบค่ะ”
“แล้ว...” ให้ตายเหอะ นี่เขาแอบคาดหวังว่าเธอจะหน้าแดงหรือมีปฏิกิริยาเขินอายอะไรสักอย่าง แต่นี่ไม่...แล้วก็ยังพูดเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดา เรื่องปกติเหมือนการไปกินข้าวด้วยกันอะไรแบบนี้
ณฐิตาเตรียมใจแล้วสำหรับอะไรก็แล้วแต่ที่มันจะต้องเกิดขึ้น เธอเป็นผู้ใหญ่ เข้าใจอะไรที่เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ใช่ชีวิตที่เพ้อฝัน ต้องรอเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วย
“แล้ว...เธอจะเอายังไงต่อ”
แล้วเขาล่ะ เขาจะเอายังไงต่างหากณฐิตาคิดว่าเรื่องนี้ควรเป็นเรื่องที่ฝ่ายชายควรจะพูดออกมามากกว่า จะให้เธอร้องหาความรับผิดชอบ
เพื่อให้เขาปฏิเสธน่ะเหรอ ไม่มีทางเสียล่ะ
“ท่านประธานจะรับผิดชอบหวานเหรอคะ”
เธอพูดก็ได้ แล้วก็มองตรงไปยังคนที่ยังตีหน้าขรึม
“แล้วเธอต้องการแบบไหน อยากให้ฉันรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นใช่ไหม”
“ไม่ค่ะ...” ฟังแค่นี้ก็รู้แล้วว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะฝืนให้สิ่งที่เกิดขึ้นมันไปในทิศทางนั้น จะว่าไปเธอเองก็อยากได้เขาเอง มันไม่ควรเป็นเรื่องที่ต้องหาคนผิด คนถูก
คนรับผิดชอบ คนถูกรับผิดชอบ
“ตอบไวมาก ก็เพิ่งรู้นะว่าจริงๆ แล้วเธอเป็นพวกฟรีเซ็กซ์...” นี่เขาเป็นบ้าอะไรวะ ทำไมต้องหงุดหงิด ทำไมต้องทำเหมือนอยากให้เธออยากได้ความรับผิดชอบจากเขาด้วยวะ
“มีอะไรอีกไหมคะ” ใจเธอยังไม่เข้มแข็งขนาดที่จะมาทนฟังคำกระแหนะกระแหน
“งานยุ่งขนาดนั้นเลย!” นี่เขาโมโหอีกแล้วนะ
แล้วก็ไม่รู้ตัวด้วยว่าทำไมมันรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาตลอด
“ค่ะ วันจันทร์ทีไรก็งานเยอะแบบนี้แหละค่ะ” เธอพยายามฝืนยิ้มให้คนตรงหน้า
“เชิญ!” ปล่อยตัวเธอออกไปเถอะ ถ้าคุยกันต่อ เขานี่ล่ะที่จะคลั่ง!
ท่านประธานแซ่บ
กณิศ...ท่านประธานวัย 41 ที่ริจะทำตัวเป็นสมภารโคถึกที่คึกพิโรธ
ลลิน...พนักงานสาว (ไม่) น้อย วัย 28 ที่ต้องมาเป็นทั้งไก่วัด และก็หญ้าอ่อนให้ท่านประธานและเล็ม
“ทำไมล่ะ ก็คืนนั้นเราตกลงเป็นแฟนกันแล้วนี่”
“อย่าค่ะ” นี่เขาพูดอะไร แล้วทำไมตอนนี้ไซ้มาที่ซอกคอเธอแบบนี้ล่ะ “ได้โปรดค่ะ ท่านประธาน”
“พี่จะโปรดเธอเอง”
“อย่าค่ะ ไม่ใช่แบบนี้ ได้โปรดหยุดต่างหากค่ะ”
ตอนนี้เธอถูกดันขึ้นไปนั่งบนขอบโต๊ะอย่างหมิ่นเหม่ แล้วท่านประธานก็แทรกเข้ามากลางหว่างขา โชคดีที่วันนี้เธอใส่ชุดฟอร์มที่เป็นกางเกง ไม่งั้นไม่อยากจะคิดเลยว่ามือกว้างที่กำลังลูบไล้บนหน้าขามันจะซุกซนไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
“เราเป็นผัวเมียกันแล้วนะ พี่เป็นคนแรกของลิน ลินจำได้ไหม” เขารวบมือที่คอยแต่จะผลักไสไปด้านหลัง พร้อมกับที่จูบซุกไซ้ไปถ้วนทั่วทุกที่
“ลิน...ลินจำไม่ได้ค่ะ” เธอตัดสินใจพูดความจริงออกไป แล้วคนที่กำลังปล้นจูบก็ค่อยๆ เดินถอยหลังไปทีละก้าว
ท่านประธานช็อกแบบเห็นได้ชัด
“ไม่จริง คืนนั้นลินเป็นคนเริ่มด้วยซ้ำ!”
“ลินขอโทษค่ะ แต่ลินเมามาก...” เธอมองคนที่หน้าบึ้ง กอดอกราวกับไปซัดรังแตนมาทั้งรัง “จนจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ ค่ะ”
“ลินบอกว่าอยากเป็นแฟนพี่”
เธอเนี่ยนะ!
ลลินเผลอกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่
“ลินไม่อาจหาญใฝ่สูงขนาดนั้นหรอกค่ะ” เธอพยายามขยับหนี
แต่ก็เหมือนกลับยิ่งปีนขึ้นไปบนโต๊ะมากขึ้น
“ลินอาจจะจำเรื่องคืนนั้นไม่ได้ แต่พี่มั่นใจว่าลินไม่มีทาง...ลืมจูบแรกของตัวเองได้แน่”
“อื้อ...” ลลินถูกประคองแก้มเข้าไปจูบ จูบที่แสนเย้ายวนแล้วก็มีลิ้นเข้ามาเกี่ยวข้อง
พัวพันจนหัวเริ่มหมุน
‘ลินไม่เคยจูบกับใครเลยค่ะ’ เสียงอ้อแอ้ดังขึ้น ตามองไปยังคู่บ่าวสาวที่โชว์จูบดูดดื่มกลางเวทีหลังจบเพลง
เจ็บอ่ะ เจ็บที่หัวใจ เหมือนมันจะหลุดออกมา
‘เรามาลองจูบกันไหมคะลุงคริส’
‘ผมว่าคุณเมาแล้วนะ’ เขาส่งยิ้มให้คนเมาที่โผทิ้งตัวลงมาในวงแขน
‘นะคะ หรือว่าลุงป๊อด!’
กณิศยิ้มให้อย่างไม่คิดถือสา
‘ลุงคิดว่า เราควรไปนั่งพักนะ’ เขาเกลี่ยเบาๆ
ไปตามลูกผมรุ่ยร่ายที่ยิ่งขับความเซ็กซี่ออกมาอย่างชัดเจน
‘อย่าเล่นตัวค่ะ!’
‘อื้อ...’ แล้วใครจะคิดว่าเขาจะถูกปล้นจูบตอนอายุ 41
แถมเป็นจากแม่สาวก๋ากั่นปลอมเสียด้วย
แล้วไม่นาน เขาก็สอนเธอว่าจูบดีๆ มันเป็นยังไง
แล้วมันก็ดูดดื่ม ดื่มด่ำจนทำให้คนเมาถึงกับครางเบาๆ
“อ่าห์...” ดีจัง เธอจูบตอบกลับไปตามความรู้สึก มันกลั่นออกมาจากจิตใต้สำนึก ไม่ใช่สมอง แล้วมารู้ตัวอีกครั้งก็ตอนปากหยักค่อยๆ ขยับออกห่าง ตายังสบกันด้วยอารมณ์ที่แสนคุกรุ่น
บ้าจริง นี่เธอยังคล้องคอ คล้องบ่าท่านประธาน แล้วก็เหมือนเสียดายตอนเขาจุ๊บแรงๆ แล้วจับมือ อุ้มเธอลงจากขอบโต๊ะ
“เย็นนี้พี่จะรอนะ ถ้าไม่เจอที่ลานจอดรถ พี่จะไปรับที่แผนก”
สาวใช้ท่านประธาน
ติณณ์...เขาคือท่านประธานโคแก่
อุษณิษา...เธอคือสาวใช้หญ้าอ่อน
“โอ๊ะ!” แล้วเธอก็ถูกรวบลงไปนั่งตักเขาเฉยเลย “อย่าค่ะ” เธอแกะมือแกร่งที่รวบกอดเอว ตอนนี้มึนงงไปหมด ไม่แน่ใจว่าทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ล่ะ
“เธอเองก็มาเพื่อจุดประสงค์นี้ไม่ใช่เหรอเอ๋ย”
“ปะ...เปล่าค่ะ” คุณป้าตรีทิพย์สัญญาแล้วว่าทุกอย่างจะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป
“เปล่า? แต่เธอก็ย้ายข้าวของมาอยู่บ้านผู้ชายเป็นเดือนๆ เนี่ยนะ ฉันว่าเธออยากเป็นเมียฉันมากกว่าเป็นคนใช้ของฉันนะ” เขาจงใจกระซิบที่ซอกหู แล้วก็บอกเลยว่ากลิ่นสาบสาวนี่มันละมุนจมูกจริงๆ
เขาผลักเด็กนี่ออกห่าง เขายังไม่พร้อมจะตกลงไปในหลุมพรางตื้นๆ
ของมารดาตั้งแต่วันแรก
อุษณิษาขยับนั่งดีๆ ก่อนจะรีบขยับหนีไปยังอีกฝั่งของโซฟา เมื่อสักครู่มันอันตรายเกินไป
“เปล่านะคะ ดิฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลยค่ะ” เพราะคนที่คิดแทนน่ะคือคุณป้าตรีทิพย์
“ถามจริงๆ แม่ฉันให้อะไรเป็นการแลกเปลี่ยน เขาจ้างเธอด้วยอะไรให้เธอมาอ่อยฉัน”
อ่อยเลยเหรอเธอไม่ได้คิดจะทำอะไรขนาดนั้นเลย ด้วยความสัตย์จริงนะ
“มันไม่ได้เป็นแบบที่ท่านประธานคิดเลยจริงๆ ค่ะ” เธอโป้ปดออกไปแม้จะรู้ว่าเขาคงไม่เชื่อแน่ๆ
“เหรอ งั้นเธอก็อยากทำงานที่บริษัทฉันมากสินะ เธอถึงได้ยอมมาเป็นนางบำเรอให้ฉันเคี้ยวเล่นเป็นเดือน”
นางบำเรอ? เดี๋ยวก่อนนะ ไหนเขาบอกคนใช้ไง
“ไม่ต้องมาทำเป็นเอียงคอ”
อุษณิษารีบทำคอตรงทันที
เด็กนี่จะมาแอ๊บแบ๊วกับเขาไม่ได้ เขาผ่านผู้หญิงมาเยอะแยะจนเกินกว่าที่จะมาเชื่อว่าอีกฝ่ายน่ะใสซื่ออย่างที่กำลังแสดงออก
“เธอพูดมาเลยดีกว่า ว่านี่คือเรื่องอะไร หรือเธอเต็มใจมารับใช้ฉันบนเตียง”
“เปล่าค่ะ เปล่า...” เธอผวาลุกขึ้นยืนทันทีที่เขาขยับเข้ามาในระยะประชิดด้วยความรวดเร็ว
“งั้นก็อธิบาย”
เธอถึงกับต้องยันอกแกร่ง เพราะไม่คิดเลยว่าเขาจะคว้าเอวเธอที่ตั้งท่าจะถอยหนีเอาไว้แน่น
นี่ตกลงท่านประธานติณณ์ เขาปากว่ามือถึงเป็นนิสัย หรือเขาแค่จะรังแก คุกคามจงใจทำให้เธอกลัวกันแน่
ป้าจะบอกอะไรให้นะ พี่เขาชอบปราบพยศ ชอบเอาชนะ ถ้าหนูไม่ดื้อ พี่เขาจะใจดีมาก แต่ป้ามั่นใจเลยว่าพี่เขาน่ะต้องแกล้งหนูหนักมาก หนูต้องอดทนรู้ไหม
“กำลังคิดเรื่องโกหกอะไรอยู่อีกล่ะ แม่เด็กเลี้ยงแกะ!”
ดีจัง เจอกันแค่ครั้งที่สอง เธอก็ถูกเขาตั้งฉายาให้ซะแล้ว
“ดิ...ดิฉันเปล่าจริงๆ นะคะ” ยังไม่รู้เลยว่าพูดแค่นี้เขาจะเชื่อเธอหรือเปล่า
“ได้ งั้นเดี๋ยวคืนนี้เธอก็เริ่มงานคนใช้เลยแล้วกัน”
เจ้าสาวท่านประธาน
ทักษ์...ท่านประธานที่ถูกจับให้แต่งงาน รับผิดชอบแม่เลขาเด็กเส้น
ณฤดี...เลขานุการสาวน้อยที่ต้องกลายมาเป็น ‘เจ้าสาว’
“อุ้ย!” ร้องเบาๆ เมื่อถูกต้อนจนหลังไปชนกับผนังด้านหนึ่ง “อย่าค่ะ!” แล้วก็ยันอกแกร่งของคนที่อยู่ดีๆ ก็ต้อนเข้ามาใกล้ในแบบที่เรียกว่าไม่คิดหยุดหย่อน
“อย่าค่ะ!”
มองคนที่ร้องเลียนแบบได้น่าเกลียดที่สุด เสียงเธอไม่ได้ขนาดนั้นเสียหน่อยด้วย
“เธอจะร้องห้ามทำไม ในเมื่อคืนนั้นเธอก็มอมเหล้า ลากฉันไปเอานี่”
ทำไมเขาจะต้องจงใจใช้คำทะลึ่งๆ น่าเกลียดๆ แบบนั้นกับเธอด้วย
“ที่เธอแก้มแดงนี่ แกล้งทำ หรือว่าฝึกมาอย่างดีล่ะ!”
นี่เขากล่าวหาเธอขนาดนี้เลยเหรอ
“ฉันนี่ก็ไม่น่าถามโง่ๆ เลย แบบเธอน่ะคงต้องฝึกแต่เล็กแต่น้อยเอาไว้จับผู้ชายสินะ!”
“มันจะ...กล่าวหากันมากเกินไปแล้วนะคะ” ปลายประโยคมันเหมือนจะค่อยๆ เบาลง
“ไม่มากเกินไปหรอก เธออยากได้ฉันนี่ ฉันก็จะสงเคราะห์เป็นผัวเธอให้”
ปัง!
สะดุ้งเพราะไม่คิดว่าเขาจะทุบกำแพงที่ข้างหู นี่คือเขาจะแกล้งให้เธอกลัวให้ได้สินะ แล้วมันก็เหมือนจะสำเร็จ
“โถที่เงียบนี่ คือจะใช้โหมดใบ้เก็บข้อมูลเหมือนทุกครั้งสินะ เธอน่ะมันงูพิษ รู้ตัวไหม”
อ้าปากค้าง เพราะไม่คิดว่าเขาจะด่าว่าเธอออดมาฉอดๆๆ
“มันจะมากไปแล้วนะคะ” สบตาคนที่จ้องมาในระยะประชิด ต้องรวบรวมสติและแสดงออกไปบ้างว่าเธอน่ะเป็นว่าที่เจ้าสาว ไม่ใช่ลูกไล่ที่จะให้เขาต้อนเป็นหมูในอวย
“มากไป...อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง”
แล้วเจ้าท่านประธานบ้าก็หัวเราะดังลั่น
“ตรงไหนเหรอที่เธอว่ามากไป”
“เอ่อ...” ตกใจ และก็อึกอัก ตอนนี้มือแกร่งกำลังกดบ่าเธอเอาไว้แน่น
นี่น้องพนักงานเขาหายไปไหนกันนะ ทำไมไม่มีใครคิดอยู่แถวนี้บ้าง
“ใช่ตรงที่เธอแกล้งเอาสีทาเล็บหยดแทนเลือดพรหมจรรย์หรือเปล่า!”
