เรื่อง คังซีจอมจักพรรดิต้าชิง เล่ม1-4 จบ ตอน แผนกู้บัลลังก์ ศึกรวมแผ่นดิน ยุทธนาวีชิงไต้หวัน-สงครามปราบข่านมองโกล ศึกสายเลือด
ผู้แต่ง เอ้อเยว่เหอ
ผู้แปล เรืองชัย รักศรีอักษร
สำนักพิมพ์ มติชน
คังซีจอมจักพรรดิต้าชิง ตอน แผนกู้บัลลังก์
เปิดฉากซีรีส์ที่น่าติดตามแห่งปี
จากปลายปากกาของเอ้อเยว่เหอ นักเขียนนวนิยายอิงประวัติศาสตร์จีนชื่อดัง
เรื่องราวของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่และครองราชย์ยาวนานที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน
เมื่อต้องขึ้นครองบัลลังก์ตั้งแต่พระชนมายุเพียง 8 พรรษา
จึงมีอุปสรรคนานาให้ต้องเผชิญ
หนทางข้างหน้าล้วนแล้วแต่มีขวากหนามและอันตราย
ด่านแรกคืออ๋าวป้าย อำมาตย์ตัวร้ายผู้หวังช่วงชิงบัลลังก์!
คังซีจอมจักพรรดิต้าชิง ตอน ศึกรวมแผ่นดิน
เป็นเหตุการณ์หลังจากคังซีทรงจัดการกับขุนนางทรราชย์อย่างอ๋าวป้ายได้แล้ว แต่เสี้ยนหนามของพระองค์ยังไม่หมดไป คังซีในช่วงวัยรุ่นยังต้องเผชิญกับหวูซานกุ้ย หวังแห่งยวิ๋นหนาน ผู้เคยปลงพระชนม์อดีตฮ่องเต้หมิงและเข้าถวายความจงรักภักดีต่อต้าชิง แต่เวลานี้หวูซานกุ้ยกลับคิดกบฏต่อบัลลังก์ชิงโดยอ้างคำกล่าวโบราณที่ว่า “มีเจ้าเป็นต่างชาติ ให้จีนสิ้นชาติยังจะดีกว่า” หวูซานกุ้ยจึงสะสมกำลังพลและอาวุธ อีกทั้งปลุกปั่นหลายหัวเมืองให้ร่วมกบฏต่อฮ่องเต้คังซี โดยมีจูซานไท่จื่อผู้อ้างตัวเป็นรัชทายาทแห่ง อดีตหมิงเข้าร่วมแผนการครั้งนี้ด้วย
แต่ฮ่องเต้คังซีทรงมีพระปรีชาสามารถและทรงเป็นธรรมราชาโดยแท้จริง นับแต่คังซีครองราชย์ก็ทรงบริหารบ้านเมืองอย่างสุจริตและเที่ยงตรง แก้ไขปัญหาได้ถูกจุด บ้านเมืองเศรษฐกิจดีขึ้นมาก ไพร่ฟ้าประชาชนมีอยู่มีกิน จึงต่างรักใคร่และให้ความเคารพคังซีโดยไม่แบ่งแยกว่าพระองค์เป็นชาวแมนจู ฝ่ายคังซีจึงมีองครักษ์ แม่ทัพ และปราชญ์ทั้งบู๊ทั้งบุ๋นคอยให้ความสนับสนุนและเป็นเสาค้ำจุนราชบังลังก์ คังซีทรงมีปัญญาในการเลือกใช้คน ดังนั้นจึงวางแผนรับมือและปราบกบฏได้อย่างไม่บกพร่อง
คังซี จอมจักรพรรดิต้าชิง ตอน ยุทธนาวีชิงไต้หวัน-สงครามปราบข่านมองโกล
หลังจากคังซีปราบกบฏสามหัวเมืองอิสระลงได้ จีนก็เริ่มเข้าสู่ยุครุ่งเรืองและถือเป็นยุคทองของคังซี เศรษฐกิจเฟื่องฟู บ้านเมืองสงบสุข มุ่งส่งเสริมฝ่ายบุ๋นมากขึ้น แต่แผ่นดินจีนก็ยังไม่เป็นเอกภาพ คังซียังคงมีภารกิจอันยิ่งใหญ่อีกสามประการที่จะทำให้รากฐานของราชวงศ์ชิงมั่นคงต่อไปได้อีกนับร้อยปี อันได้แก่
ภารกิจการจัดการแม่น้ำเหลืองซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสายน้ำวิปโยค สร้างความเดือดร้อนให้ที่นาของราษฎรและเป็นอุปสรรคต่อการขนส่งเสบียงทางน้ำ ถือเป็นภารกิจที่หาอัจฉริยะด้านการจัดการน้ำมาบริหารได้ยาก ไม่มีขุนนางคนใดอยากทำตำแหน่งนี้
ไต้หวันยังคงแยกตัวเป็นอิสระ ทหารชิงซึ่งไม่เชี่ยวชาญการรบทางน้ำ จำต้องทำศึกยุทธนาวีครั้งสำคัญที่จะช่วงชิงเกาะไต้หวันกลับคืนสู่แผ่นดินมังกรอีกครั้ง
เก่อเอ่อตาน ข่านมองโกลตั้งตนเป็นใหญ่ แยกตัวจากต้าชิงและฟื้นอาณาจักรมองโกลอันยิ่งใหญ่อย่างสมัยเจงกิสข่าน เพื่อสยบไม่ให้มีผู้ใดคิดแบ่งแยกดินแดกอีก คังซีจึงต้องออกหน้ายกทัพไปปราบด้วยตนเอง
ทว่าในขณะเดียวกัน ขุนนางในราชสำนักเริ่มแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ส่อเค้าลางแก่งแย่งอำนาจ อันเป็นภัยต่อทั้งคังซีและองค์รัชทายาท อันจะสืบเนื่องสู่ศึกสายเลือดในเล่มถัดไป
คังซี จอมจักรพรรดิต้าชิง ตอน ศึกสายเลือด
ยี่สิบปีสุดท้ายแห่งรัชศกคังซี แม้บ้านเมืองดูราวสงบไร้ศึกสงคราม แต่เกิดวิกฤตซ่อนเร้นในราชสำนัก ขุนนางโกงกิน ท้องพระคลังร่อยหรอ พระปณิธานเพียงหนึ่งเดียวของคังซีคือ ทรงหวังให้แผ่นดินต้าชิงอยู่ยั้งยืนยงไปชั่วกาลนาน
ทว่าองค์ชายรอง "ยิ่นเหริง" รัชทายาทองค์ปัจจุบันกลับอ่อนแอและประพฤติสำส่อนจนถูกปลดจากตำแหน่งถึงสองครั้ง ส่วนองค์ชายผู้เป็นที่ศรัทธาของประชาชนหมู่มากได้แก่องค์ชายแปด "ยิ่นสื้อ" องค์ชายผู้จัดการราชกิจได้ถูกต้องเหมาะสมมากที่สุดกลับเป็นองค์ชายสี่ "ยิ่นเจิน" และในปลายรัชสมัย องค์ชายสิบสี่ "ยิ่นถี" ได้รับความไว้วางพระทัยจากคังซีให้นำทัพนับแสนนายไปปราบข้าศึกทางตะวันตก องค์ชายแต่ละพระองค์ล้วนกุมอำนาจไว้ในมือ เกิดการเล่นพรรคเล่นพวก พี่น้องวางแผนห้ำหั่นกันเองเพื่อช่วงชิงบัลลังก์มังกร จนกลายเป็น "ศึกสายเลือด" อันแสนระทึกและสะเทือนใจ คังซีต้องตัดสินพระทัยครั้งสำคัญในวาระสุดท้ายของพระชนม์ชีพว่าจะให้องค์ชายพระองค์ใดรักษาแผ่นดินต้าชิงแห่งนี้ให้รุ่งโรจน์สืบไป
